มงคลสูตรคำฉันท์
เป็นวรรณคดี คำสอน
ผลงานพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงนำหลักธรรม
ที่เป็นพระคาถาบาลีจากพระไตรปิฏกตั้งแล้วแปลถอดความเป็นคำประพันธ์ที่ ไพเราะ มีความงดงามทั้งด้านเสียงและความหมาย สามารถจดจำได้ง่าย มงคลสูตรคำฉันท์นี้จะเกิดแต่ตัวเราเองได้ก็ต้องเป็นผลมาจากการประพฤติ
ปฏิบัติดีของตนเองเท่านั้น
หาได้มาจากปัจจัยอื่นเลย
ผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
ลักษณะคำประพันธ์ กาพย์ฉบัง ๑๖ และอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
แทรกคาถาบาลี จุดมุ่งหมายในการแต่ง
:
เพื่อให้ตระหนักว่าสิริมงคลจะเกิดแก่ผู้ใดก็เพียงผลมาจากการปฏิบัติของตนทั้งสิ้นไม่มีผู้ใดหรือสิ่งใดจะทำให้เกิดสิริมงคลแก่เราได้ นอกจากตัวเราเอง
ความเป็นมา
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงนำมงคลสูตรมาทรงพระราชนิพนธ์เป็นบทร้อยกรองประเภทคำฉันท์ โดยใช้คำประพันธ์ ๒ ชนิดคือ กาพย์ฉบัง ๑๖ และอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
ทรงนำคาถาภาษาบาลีจากพระไตรปิฏกตั้งแล้วแปลถอดความเป็นร้อยกรองภาษาไทย
ได้ถูกต้องตรงตามบังคับในฉันทลักษณ์โดยไม่เสียเนื้อความจากพระคาถาบาลี การจัดวางลำดับของมงคลแต่ละข้อก็เป็นไปตามที่ปรากฏอยู่ในพระคาถาเดิม
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพทางด้านภาษาได้อย่างดียิ่ง
“อเสวนา จ
พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ
เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ หนึ่งคือบ่คบพาล
เพราะจะพาประพฤติผิด หนึ่งคบกะบัณฑิต
เพราะจะพาประสบผล หนึ่งกราบและบูชา อภิบูชนีย์ชน ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี”
เรื่องย่อ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงมงคลอันสูงสุด ๓๘ ประการ ไว้ใน...อ่านต่อ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น